หลาย ๆ คนยังคงอินกับซีรีส์เกาหลีสุดฮอต "Twenty Five, Twenty One" ที่เพิ่งลาจอไปเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เพราะนอกจากความสนุกของซีรีส์แล้ว ยังได้รู้สึกเหมือนโตไปกับตัวละครอีกด้วย ทั้งเรื่องความยากลำบากที่แต่ละคนต้องเจอ รวมไปถึง "ความฝัน" ช่วงเวลาเริ่มเรื่องในซีรีส์นั้นเป็นช่วง ค.ศ. 1997 - 1998 หรือ พ.ศ. 2540 - 2541 ที่เกิด "วิกฤตการณ์การเงินในเอเชีย" โดยมีประเทศอินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และไทยได้รับผลกระทบมากที่สุด หรือที่คนไทยเรียกว่า "วิกฤตต้มยำกุ้ง" ทางเกาหลีใต้เรียกว่า "วิกฤติ IMF"

(เครดิต - tvN)
ผลกระทบที่ทั้งประเทศไทย และเกาหลีใต้ต้องเจอ แทบไม่ต่างกันเลย วันนี้ Eventpass พามารู้จักกับ ในวันที่ยุคสมัยพรากทุกอย่างไปจากเรา วิกฤตเศรษฐกิจ "ต้มยำกุ้ง" และ "IMF" ถ่ายทอดความรู้สึกผ่านทางตัวละครในเรื่อง "Twenty Five, Twenty One" แม้ซีรีส์จะจบแล้ว แต่ยังเป็นที่พูดถึงอยู่อีกนานแน่นอน
คนที่ได้รับชมซีรีส์คงจะได้ยิน "วิกฤติ IMF" ที่อยู่ในซีรีส์แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับ "วิกฤตต้มยำกุ้ง" ที่คนไทยหลาย ๆ คน ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเกิดผลกระทบกับเศรษฐกิจในประเทศขนาดไหน
จุดเริ่มต้น วิกฤตการณ์ทางการเงินในประเทศไทย เกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1997 เกิดจากการก่อหนี้ของเอกชน แต่การดำเนินการของภาครัฐที่ผิดพลาดทำให้วิกฤตบานปลาย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีนโยบายเปิดตลาดเงิน พร้อมกับรักษาช่วงอัตราแลกเปลี่ยนที่แคบมาก ปล่อยให้เงินกู้ไหลเข้าประเทศปริมาณมากเกินควบคุม การทุ่มเงินสำรองระหว่างประเทศอย่างขาดความรอบคอบ ทางการประกาศใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว ทำให้เงินบาทลดค่าลงทันทีร้อยละ 15 - 20 จนรัฐบาลสั่งปิดกิจการบริษัทเงินทุนเป็นการถาวร 56 แห่ง
วิกฤตการณ์ทางการเงินในประเทศเกาหลีใต้ เกิดขึ้นเดือนตุลาคม ค.ศ. 1997 เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของเกาหลีใต้เกือบหมด ทำให้เงินทุนต่างประเทศไหลออกจากตลาดหลักทรัพย์ โครงสร้างทางการเงินของบริษัทเอกชน ลงทุนขยายกิจการอย่างรวดเร็วและไม่หยุด ทำให้อัตราส่วนหนี้ต่อทุนเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 400 ในปลายปี 1997
สัดส่วนหนี้ต่างประเทศต่อจีดีพีเพิ่มสูงขึ้นจาก 100% เป็น 167% ในสี่ประเทศใหญ่อาเซียน ระหว่างปี พ.ศ. 2536 - 2538 ก่อนจะขึ้นไปสูงถึง 180% ในช่วงที่วิกฤตการณ์เลวร้ายที่สุดในเกาหลีใต้ สัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 13% เป็น 21% และแตะระดับสูงสุดที่ 40% ขณะที่ประเทศอุตสาหกรรมใหม่ที่อยู่ทางเหนือได้รับผลกระทบน้อยกว่ามาก มีเพียงในไทยและเกาหลีใต้เท่านั้นที่หนี้สัดส่วนบริการต่อการส่งออกเพิ่มขึ้น
ไม่เพียงแต่เศรษฐกิจที่ล้มเหลว ชีวิตหลาย ๆ คน ที่ต้องเจอกับปัญหานี้ก็ล้มเหลวเช่นกัน
ชีวิตที่ยากลำบาก ภาระหนี้สิน สูญเสียบ้าน สูญเสียรถ สูญเสียอนาคต
และบางคนต้องสูญเสียคนในครอบครัว...
ยุคสมัยพรากอะไรไปจากเรา?



(เครดิต - tvN)
"ยุคสมัยน่ะ พรากความฝันไปจากเธอได้ง่าย ๆ เลย ไม่ใช่แค่ความฝัน
แต่มันพรากเงินทองไปได้ด้วย และพรากครอบครัวไปได้เหมือนกัน
หรือมันอาจพรากทั้งสามอย่างนั้นไปพร้อมกันก็ได้"
- แพคอีจิน -
เป็นคำพูดจาก "แพคอีจิน" หนึ่งในตัวละครหลักของเรื่อง "Twenty Five, Twenty One" เป็นคำพูดที่หากใครเคยเจอเหตุการณ์อย่างแพคอีจินก็ต้องรู้สึกเจ็บปวดแน่นอน เคยคิดไหมว่าเราในวัย 22 ปี กำลังทำอะไรอยู่ คงมีคนไม่น้อยในยุควิกฤตการณ์ทางการเงินนั้น ที่ไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีเงินทอง ไม่มีแม้แต่ที่พึ่ง แพคอีจินก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาเกิดมาในครอบครัวเศรษฐี มีบ้าน มีรถ มีอนาคตดี ๆ รออยู่ ความฝันของแพคอีจิน คือการไปทำงานที่ "นาซ่า" แต่กลับต้องล้มเลิกทุกอย่าง เพราะที่บ้านประสบปัญหาทางการเงินจาก "วิกฤต IMF" บริษัทล้มละลาย พ่อแม่ต้องแยกกันไปคนละทาง ในตอนที่เขายังเป็นนักศึกษา เขาต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อมาหางานทำ เช่าบ้านอยู่คนเดียว เริ่มจากการรับจ้างหลายอย่าง เป็นลูกจ้างร้านหนังสือ คนส่งหนังสือพิมพ์ ลูกจ้างชาวประมงขายปลา ไปสู่การเป็นนักข่าวกีฬาด้วยวุฒิม.ปลาย กว่าจะมีถึงทุกวันนี้นั้นแพคอีจินต้องสูญเสียทุกอย่างไปก่อน
.



(เครดิต - tvN)
"สิ่งที่พรากความฝันฉันไป คือยุคสมัย
ยุคสมัยมีสิทธิ์อะไรมาพรากฝันฉันไป"
- นาฮีโด -
บอกถึงความรู้สึกของ "นาฮีโด" นักกีฬาฟันดาบ ที่มีความฝันอยากไปในระดับโลก แต่เกิด "วิกฤต IMF" ทำให้ชมรมฟันดาบของโรงเรียนต้องยุบไป เพราะงบประมาณไม่เพียงพอ ฮีโดได้แต่โกรธยุคสมัยที่พรากความฝันไปจากเธอ สิ่งที่ฮีโดสูญเสียไปนั้นดูเบาบางมากเมื่อเทียบแพคอีจินที่ต้องสูญเสียทุกอย่าง อย่างน้อยฮีโดก็ยังมีโอกาสได้แก้ตัว และเดินตามความฝันใหม่ แต่หากว่าฮีโดไม่มีความพยายาม และไม่มีโอกาส ความฝันของเธอก็ต้องพังลงเช่นกัน การสูญเสียความฝันเป็นปัญหาของวัยรุ่นยุค 90 ในวิกฤตนี้ ทำให้เห็นว่า "ยุคสมัยพรากทุกอย่างไปจากเราจริง ๆ"
.
"ยุคสมัยบีบให้เรายอมทิ้งทุกอย่างแล้ว จะยอมทิ้งความสุขไปด้วยได้ไง"
- นาฮีโด -




(เครดิต - tvN)
ขอบคุณข้อมูล