เขียนเมื่อ 27 เม.ย. 2564
หลายคนที่กำลังจะสร้างครอบครัว หรืออยากแยกออกไปอยู่แบบส่วนตัว แล้วมีแพลนจะขอสินเชื่อบ้าน อาจจะยังไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นยังไงดี? เอกสารที่ต้องเตรียมมีอะไรบ้าง? เงินเดือนของเราควรจะยื่นกู้ในราคาเท่าไหร่? เทคนิคสร้างประวัติการเงินต้องทำยังไงให้ขอกู้ผ่าน? ขอให้อ่านบทความนี้ให้จบ เราได้รวบรวมมาไว้ให้แล้ว มาเช็กลิสต์ทีละข้อไปพร้อมกัน รับรองทำตามนี้ยื่นกู้ผ่านตั้งแต่ครั้งแรก ไม่มีติดขัดแน่นอน
1. เอกสารต้องพร้อม
โดยปกติธนาคารมักจะขอเอกสารต่าง ๆ ทั้งในส่วนของเอกสารยืนยันตัวตนขั้นพื้นฐาน และเอกสารรับรองทั้งเรื่องอาชีพ หน้าที่การงาน รายได้ การเงิน และหลักประกันต่าง ๆ เพื่อประเมินว่าเราจะสามารถกู้ได้เท่าไหร่ ซึ่งหากเอกสารเราพร้อม จัดมาแบบครบ ก็ยิ่งสร้างความน่าเชื่อถือของเราต่อธนาคาร เป็นใบเบิกทางในการขอสินเชื่อ โดยแบ่งเอกสารเป็น 3 หมวดหลัก ๆ คือ
1) เอกสารส่วนบุคคล เพื่อยืนยันตัวตน รวมทั้งถ้ามีคู่สมรส ต้องยื่นของคู่สมรสด้วยเพราะถือว่าเป็นบุคคลเดียวกัน
- บัตรประจำตัวประชาชน / บัตรข้าราชการ / บัตรรัฐวิสาหกิจ
- สำเนาทะเบียนสมรส / ใบหย่า / ใบมรณะบัตร (คู่สมรส)
- สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ - สกุล
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนคู่สมรส
2) เอกสารทางการเงิน ใช้แสดงที่มาของรายรับ รายได้ สร้างเครดิตความน่าเชื่อถือของตัวเรา ขอบอกว่าส่วนนี้สำคัญมาก
มนุษย์เงินเดือน / พนักงานประจำ
- ใบรับรองเงินเดือน / หนังสือผ่านสิทธิสวัสดิการ
- สลิปเงินเดือนหรือหลักฐานการรับเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
- สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน
ฟรีแลนซ์ / ค้าขาย / อาชีพอิสระ
- สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 12 เดือน/หลักฐานแสดงฐานะการเงินอื่นๆ (พร้อมเอกสารฉบับจริง)
- สำเนาทะเบียนการค้า/ทะเบียนบริษัท/ห้างหุ้นส่วน
- หลักฐานการเสียภาษีเงินได้
- รูปถ่ายกิจการ
- สำเนาใบประกอบวิชาชีพ
3) เอกสารหลักประกัน เพื่อเป็นหลักประกันให้กับธนาคาร ว่าเราจะชำระหนี้ได้ตรงตามกำหนดได้ โดยเอกสารจะแตกต่างกันไปตามความต้องการกู้
- สำเนาจะซื้อจะขาย / สัญญาวางมัดจำ / สัญญาเช่าซื้อการเคหะฯ และหนังสือรับรองยอดคงเหลือ
- หลักฐานการเป็นเจ้าของอาคาร
- สำเนาโฉนดที่ดิน / นส.3ก / หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด / อช.2 ทุกหน้า
- ใบอนุญาตปลูกสร้าง / ต่อเติม
- แบบแปลน
- ใบประมาณการปลูกสร้าง / สัญญาว่าจ้างก่อสร้าง
2. ประเมินวงเงินกู้ไม่เกินตัว
โดยทั่วไปสูตรการคำนวณราคาบ้าน สามารถใช้วิธีคิดคร่าว ๆ ตามนี้
(รายได้ต่อเดือน) X (60 เท่าของรายได้) = (ราคาบ้านที่กู้ซื้อได้)
ตัวอย่างเช่น ถ้าเงินเดือนเรา 30,000 บาท ราคาบ้านที่กู้ซื้อได้คือ 30,000 X 60 = 1,800,000 บาท ซึ่งเกณฑ์อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละธนาคาร และในวงเงินนี้ จะเป็นไปได้ในกรณีที่เราไม่มีภาระหนี้สินใด ๆ ในแต่ละเดือน
โดยตามปกติ ผู้กู้จะสามารถแบกรับภาระการผ่อนชำระหนี้สินรวมทั้งหมดได้ไม่เกิน 40% ของรายได้
ตัวอย่างเช่น ผู้กู้มีเงินเดือน 30,000 บาท มีความสามารถชำระหนี้ได้ 30,000 x 40% = 12,000 บาทต่อเดือน และหากผู้กู้มีภาระหนี้อื่น ๆ เช่น ผ่อนรถอยู่ เดือนละ 5,000 บาท จะทำให้ผู้กู้มีความสามารถในการผ่อนบ้านลดลงเหลือเพียง 12,000 – 5,000 = 7,000 บาทต่อเดือน
ทั้งนี้ การประเมินว่าความสามารถในการผ่อน และวงเงินที่จะสามารถขอกู้ได้ ต้องคำนวณจากระยะเวลาการผ่อนชำระ และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้านซึ่งมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละธนาคารด้วย
3. สร้างประวัติการเงินสวย ๆ
ถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก และห้ามมองข้ามเด็ดขาด เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ทั้งบัญชีเงินฝาก Statement ทางการเงิน ประวัติการชำระหนี้ การใช้บัตรเครดิต ซึ่งหลายคนพลาดตรงนี้มานักต่อนัก เพราะต้องอาศัยเวลาเตรียมตัวนานหลายเดือน โดยวิธีสร้างประวัติให้ออกมาสวยแบบที่ว่าธนาคารต้องอนุมัติให้กู้ ทำได้ตามนี้เลย
1. ควรเคลียร์หนี้สินให้หมด ตามในข้างต้นที่ 'ผู้กู้จะสามารถแบกรับภาระการผ่อนชำระหนี้สินรวมทั้งหมดได้ไม่เกิน 40% ของรายได้' หากมีหนี้สินอื่น ๆ จะทำให้วงเงินที่ขอกู้ซื้อบ้าน ลดลงไปด้วย แต่ทางที่ดี การปลดภาระหนี้สินออกไปหมด ยิ่งจะทำให้ประวัติเราสวยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการผ่อนสินค้า ยิ่งเคลียร์ให้หมดก่อน 3-6 เดือนจะดีมาก เพราะในรายงานของเครดิตบูโรจะโชว์ว่าเราเคลียร์หนี้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
2. ชำระหนี้เก่าให้ตรงเวลาเสมอ การเคยมีหนี้ก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน โดยธนาคารขอดูประวัติการชำระหนี้ของเราย้อนหลัง 2 ปี ถ้าพบว่าเราเป็นคนมีวินัยทางการเงิน สามารถชำระหนี้ได้ตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งเป็นประโยชน์ในการอนุมัติกู้ให้ผ่านง่ายขึ้นด้วย
3. มีเงินออมติดบัญชีอยู่เสมอ โดยเทคนิคที่ใครหลายคนอาจไม่รู้คือ การออมเงินให้ใกล้เคียงกับเงินที่จะผ่อนกู้ โดยการฝากเงินเข้าในบัญชีธนาคารอย่างสม่ำเสมอ เป็นเวลา 6-12 เดือนขึ้นไป จะทำให้ธนาคารมั่นใจว่าเรามีจำนวนเงินที่จะสามารถผ่อนชำระธนาคารได้ในทุก ๆ เดือนได้
4.เปรียบเทียบข้อเสนอของแต่ละธนาคาร
พอเตรียมตัวพร้อมยื่นกู้แล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องดูให้ดีเลย คือศึกษาเปรียบเทียบข้อมูลของแต่ละธนาคาร โดยดูได้เบื้องต้นจากเปอร์เซ็นต์วงเงินกู้ของราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เราต้องจ่าย ระยะเวลาในการกู้ ค่างวดผ่อนชำระ หรือข้อเสนออื่น ๆ เช่นประกันชีวิต ความคุ้มครองสินเชื่อ MRTA ดูว่าธนาคารไหนเหมาะกับเรา และแนะนำว่าให้ขอยื่นกู้อย่างน้อย 3 ธนาคาร
เชื่อว่าการตัดสินใจซื้อบ้านเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ และมีความสำคัญในการสร้างความมั่นคงของชีวิตของทุกคน ดังนั้นการนำเทคนิคเจ๋ง ๆ เหล่านี้ไปทำตามกัน จะยิ่งทำให้ความฝันที่อยากจะมีบ้านเป็นของตัวเองเป็นเรื่องง่าย และช่วยให้ราบรื่นขึ้น ที่สำคัญต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทั้งความพร้อมเรื่องการเงิน และความพร้อมของตัวเราเอง การมีวินัยในด้านการเงิน รวมไปถึงการสร้างความน่าเชื่อถือให้ตัวเอง ถ้าทำได้ตามคำแนะนำนี้ รับรองว่ากู้ซื้อบ้าน-คอนโด ผ่านฉลุยแน่นอน.
chomchomme