‘Good Hood’ at Papaya Studio ที่ปีนี้ฉีกแนวจากปีก่อนๆ ก็คือ กลับมาในคอนเซ็ปต์ ‘Good Day Never End’… วันดีๆ ที่ไม่สิ้นสุด เพราะมีแต่ของดียังไงล่ะ! ซึ่งงานนี้ยังจัดต่อเนื่องไปจนถึงเดือนเมษายน ตั้งแต่วันนี้ – 11 เม.ย 2564
‘Good Hood’ กลับมาพร้อมสไตล์ที่ฉีกแนวเพราะครั้งนี้จัดที่ Papaya studio โกดังสุดเจ๋งที่เดินเข้าไปแล้วใครๆ ก็ต้องชอบ เพราะเค้าเปลี่ยนพื้นที่ของโกดังให้กลายเป็นแสง สี เสียงเพลง และ market weekend นั่นเอง อยากจะรู้กันแล้วใช่ไหม มานับถอยหลังพร้อมกัน!
เหตุผลแรกที่ทำให้คุณต้องมา ก่อนที่จะพลาดของดีในงานนั่นก็คือ ‘อาณาจักรของสะสม’ ที่ได้ส่งตรงถึงคุณแล้ว มีทั้งหมด 3 ชั้น คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับการเดินชมของมีค่าและของสะสมรวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ ของสะสมนานาชนิด ของตกแต่ง ของเก่า รูปภาพ บอกเลยว่ายิ่งใหญ่สุดอลังการในดินแดน South East Asia เชียวนะ!
ชั้นที่ 1 : จะมีของสะสมมากมาย ของเก่า เฟอร์นิเจอร์นานาชนิด ให้ได้ถ่ายรูปกัน (แต่ห้ามเปิดแฟลชนะทุกคน!)- ชั้นที่ 2 : จะรวบรวมของสะสมต่างๆ เช่นกัน แต่ชั้นนี้มีทางเชื่อมเพื่อไปร้าน Cafe Bar ที่ตั้งอยู่ชั้นที่ 1 แต่ถ้ายืนบนชั้นที่ 2 นี้ก็จะได้อีกมู้ดอารมณ์หนึ่ง (มองจากด้านบนพร้อมฟังเพลงก็สุดยอดไปเลย)
- ชั้นที่ 3 : ชั้นนี้ก็เป็นชั้นบนสุด ที่มีของเก่า ภาพวาด ห้องเฟอร์นิเจอร์ (มีทางลงไปยังชั้น 1 และ 2) และชั้นนี้สามารถไปยังโซน Photobooth ได้ด้วย
เหตุผลที่สองคือ มีโซน ‘Cafe Bar’ ให้ได้นั่งชิลเพลินๆ แถมยังสามารถจิบเครื่องดื่มและเบียร์ได้อีก โซนนี้คิดว่าหลายคนปักหมุดที่จะมากันอยู่แล้ว แค่บรรยากาศก็ชวนน่าไปสุดๆ บริเวณนี้จะมีการแสดง Live Concert กลางโกดัง Papaya Studio ด้วยนะ! แต่มีเฉพาะวัน ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์เท่านั้น
เหตุผลที่สามสายช้อปต้องมา! คือ มีโซน ‘Market Weekend’ บริเวณชั้นที่ 1 ที่ได้รวมหลายร้านค้าแบรนด์ดังมาไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น Peanutbetter, Bayfig, TGDA.CO, Diplomate, Studio Kath เป็นต้น บอกเลยว่ามีสินค้าหลากหลายทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า นาฬิกา หมวก ของกุ๊กกิ๊ก เครื่องหอม และอื่นๆ โซนนี้มีเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีโซน ‘Food’ หรือโซนของอร่อยบริเวณชั้นที่ 1 ที่อยู่ติดกับโซนอาณาจักรของสะสม อยู่บริเวณหน้าทางเข้างาน รวมหลายร้านค้าของอร่อย มีทั้งอาหารฟาสต์ฟู้ด เครื่องดื่ม น้ำปั่น และไอศกรีมจากร้านดัง อาทิเช่น Oui! Tea, TIKIRI, TUBA เป็นต้น โซนนี้ก็มีเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์เท่านั้น
เหตุผลสุดท้ายที่ทำให้ไม่ควรพลาดนั่นก็คือ ‘มีตู้ Photobooth’ by Hello.Flashback ตั้งอยู่บริเวณชั้น 3 ให้ทุกคนได้ถ่ายรูปกันในราคา 100 บาทต่อคนอีกด้วย ใครอยากสะสมภาพถ่ายจากตู้สติกเกอร์ หรืออยากเก็บโมเมนต์ความทรงจำผ่านภาพถ่าย ก็อย่าลืมแวะมาที่นี่นะทุกคน
คำเตือน! ก่อนจะไปงาน
สำหรับงานนี้เสียค่าเข้า 100 บาทต่อคน (เฉพาะวันศุกร์ – อาทิตย์ ที่ว่าเสียตังค์นี้แสดงว่าต้องมีของดียังไงล่ะ) งานเริ่ม 15.00 – 24.00 น.
สำหรับวันจันทร์ – พฤหัสบดี เข้าฟรี! งานเริ่ม 09.00 – 19.00 น.