“ที่สิ้นสุดของธรรมชาติ ไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้นของการมองเห็นความจริงอย่างแท้จริง” ความพิเศษของมันคือศิลปินจะวาด ราดสี ไป จนถึงก่อนวันเดินทาง และตัวศิลปินเองก็ไม่รู้ว่า งานจะออกมาเป็นอย่างไร มันเหมือนกับชีวิตในปัจจุบัน เราได้แต่ทำทุกวันให้เต็มที่ ที่เหลือก็เป็นเหตุปัจจัยของการกระทำของเราทั้งในอดีตและปัจจุบัน
ความงามและความไม่งาม ความสุขและความทุกข์ ความสมบูรณ์และความไม่สมบูรณ์ ล้วนเป็นเพียงเงาของธรรมชาติที่ทอดผ่านสายตาและจิตใจของผู้มองเห็น ในความเป็นจริง ธรรมชาติดำรงอยู่ตามเหตุและปัจจัยของตัวมันเอง อย่างไม่เคยแยกแยะหรือเลือกข้าง ปรากฏขึ้น อีกทั้งดับไปอย่างเงียบงัน ไร้ซึ่งคำอธิบายและคำถาม ไม่มีแม้กระทั่งการประเมินคุณค่าใด ทุกสิ่งเพียงแค่เกิดขึ้น ดำรงอยู่ และดับไป ตามจังหวะของชีวิตและโลกที่เป็นเช่นนั้นเอง
นิทรรศการ “The End of Nature” โดยศิลปิน ภัทรกร สิงห์ทอง ไม่ได้เป็นเพียงการจัดวางผลงานศิลปะหากแต่เป็นการเชิญให้ผู้ชมได้หยุดฟังเสียงความเงียบของธรรมชาติในตัวเอง ผ่านภาพนามธรรมที่ไร้ข้อจำกัดของรูปร่าง สีสัน หรือคำอธิบาย เพราะศิลปะคือธรรมชาติรูปแบบหนึ่ง และธรรมชาติก็คือศิลปะที่ไม่มีกรอบเกณฑ์ใด ๆ เมื่อมองผ่านการปรุงแต่งของความคิด อาจได้พบความจริงอันเรียบง่ายและลึกซึ้ง ว่าทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง ล้วนต้องดับสลาย
ไม่มีสิ่งใดเป็นของเรา ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดไป ขณะเดียวกัน ท่ามกลางความว่างเปล่าและไร้แก่นสารนั้น กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความสงบ ความเข้าใจ และความอ่อนโยนต่อทุกชีวิตที่ยังคงดำรงอยู่
.
.
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.thailandexhibition.com/thai-event-details/the-end-of-nature?c=MTQxMjU=