ในห้วงความทรงจำของณภัทร แว่วเสียงขับขานเพลงกล่อมนอน และนิทานก่อนนอนที่เขาเคยสดับรับฟังก่อนจะหลับใหลไปในอ้อมแขนของแม่ แม้ท่วงทำนองจะไพเราะเสนาะหู ขับกล่อมให้เด็กน้อยเคลิบเคลิ้มหลับใหล หากเนื้อหาของมันกลับมืดหม่น ลี้ลับ ทั้งเรื่องราวของภูติผีปีศาจ และความตาย ในเพลงกล่อม นิทาน และเรื่องเล่าก่อนนอนของแม่ที่แฝงเร้นความรักความห่วงหาอาทร สิ่งนี้ปลูกฝังให้ณภัทรหลงใหลในบรรยากาศอันมืดมิดของยามรัตติกาลที่เต็มไปด้วยจินตนาการความฟุ้งฝัน
ณภัทรหยิบเอาประสบการณ์เหล่านี้มาผูกโยงกับความรู้สึกนึกคิด เศษเสี้ยวความทรงจำในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม่ ทั้งความสัมพันธ์เชิงอำนาจในครอบครัว ความเมตตาและความกล้าหาญของแม่ ความผิดพลาดพลั้งเผลอ บาดแผล และความเจ็บปวดที่เขากับแม่เคยกระทำต่อกัน สิ่งเหล่านี้ถูกนำมาขยำรวมกับเรื่องราวเล่าขานในวัฒนธรรมมุขปาฐะของไทยอย่าง เพลงกล่อมเด็ก, นิทานปรัมปรา, นิทานพื้นบ้าน และตำนานผีท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น เพลงเจ้านกกาเหว่า, นิทานสังข์ทอง, ตำนานกระสือ ที่สื่อสะท้อนถึงความมืดหม่นรุนแรงที่แฝงเร้นในเรื่องเล่าในเชิงชาติพันธุ์วรรณนาเกี่ยวกับความสัมพันธ์และวิถีชีวิตของผู้คนในภูมิภาคนี้นับแต่อดีตกาลนานมา และนำมาถ่ายทอดผ่านผลงานภาพวาดสีสันฉูดฉาด ทว่าแฝงความหม่นมัว และฝีแปรงดิบกระด้างทรงพลังของเขา
ณภัทรยังหยิบเอาประเด็นเกี่ยวกับความเป็นแม่ในประวัติศาสตร์ไทย มานำเสนอถึงพลังอำนาจแห่งความรักของแม่ ที่ทำทุกอย่างเพื่อลูกของตนเองอย่างไม่มีเงื่อนไข โดยไม่แบ่งแยกว่าจะอยู่ในชนชั้นไหน หรือฐานันดรใดๆ ก็ตาม
พลังอำนาจแห่งเพศแม่ หรืออันที่จริง พลังอำนาจแห่งสตรีเพศที่ว่านี้ แท้จริงแล้วยังเป็นพลังที่แฝงเร้นเป็นลมใต้ปีกเกื้อหนุนผลักดันให้เหล่าบรรดามหาบุรุษทั้งหลายในประวัติศาสตร์ก้าวขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่และดำรงคงอำนาจเอาไว้ตราบนานเท่านาน ไม่ว่าจะเป็นในนามของแม่หรือเมียก็ตาม
สิ่งละอันพันละน้อยที่ประกอบสร้างขึ้นเป็นนิทรรศการครั้งนี้ของณภัทร ต่างสื่อสะท้อนให้เห็นถึงสายใยแห่งความผูกพัน ความทรงจำ และประสบการณ์ทั้งดีและร้ายระหว่างศิลปินและแม่ของเขาหรือแม้แต่แม่ของมนุษย์ทุกผู้นามได้อย่างลึกซึ้งและเปี่ยมอารมณ์ความรู้สึกยิ่ง
.
.
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.thailandexhibition.com/thai-event-details/the-lullaby-olahey-olahuek?c=MTU2MTU=