สายเสพงานอาร์ต ต้องไปให้ได้เลยน้า เพราะล่าสุดเปิดให้เข้าชมกันแล้ว สำหรับ ‘Monet & Friends Alive Bangkok’ งานนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะของ Claude Monet (โคลด โมเนต์) ศิลปินผู้เผยแพร่งานศิลปะแบบอิมเพรสชันนิสม์ (Impressionism) และเพื่อนจิตรกรอีก 14 ท่าน อลังการกับการแสดงผลงานในรูปแบบ Digital Immersive Exhibition ดื่มด่ำผลงานแบบ รูป รส กลิ่น เสียง สุดอลังการ Immersive Multi-Sensory Experience ว๊าวมาก พูดแล้วไม่เห็นภาพ วันนี้ EventPass ขอป้ายยาพาไปชมนิทรรศการงานนี้กัน ว่าสวย อลังการ คุ้มค่าที่จะมาดูแค่ไหน มาไล่ไปทีละโซนกันเลย 

Monet & Friends Alive Bangkok

ต้องบอกก่อนว่างานนี้ ชื่อว่า Monet & Friends Alive Bangkok แน่นอนว่า นอกจากผลงานสุดคลาสสิกของ "โคลด โมเนต์" ศิลปินชาวฝรั่งเศสผู้ทรงอิทธิพล หนึ่งในผู้บุกเบิกศิลปะแนวอิมเพรสชันนิสม์แล้ว งานนี้ยังรวมผลงานของเพื่อนจิตรกรอีก 14 ท่าน ไม่ว่าจะเป็น อองรี เดอ ทูลูซ-โลเทร็ก, จอร์จ เซอราต์, เอดูอาร์ต มาเนต์, ปอล เซซานน์, ปอล ซีญักก์, กามีย์ ปีซาร์โร, กุสตาฟ กายบอตต์, อองรี-เอ็ดมอง ครอส, ปีแยร์-โอกุสต์ เรอนัวร์, แบทธ์ มอริโซ, อาร์มอง กีโยแมง, แอดการ์ เดอกา, แมรี่ คาซาตต์, และ อัลเฟรด ซิซเลย์ 

ซึ่งถ้าเข้ามาภายในโซนแรก  “An Epic Adventure into Art with Fifteen Impressionist Masters” เป็นโซนที่เราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติของศิลปินชั้นครูของยุคอิมเพรสชันนิสม์ทั้ง 15 ท่าน ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงประวัติศาสตร์การเคลื่อนไหวในยุคอิมเพรสชันนิสม์ ท่ามกลางความปั่นป่วนทางสังคมและการเมืองในขณะนั้น เรียกว่าเป็นการพาย้อนเวลาไปถึงช่วงแห่งการพลิกโฉมหน้าศิลปะยุโรป จะบอกว่าเราใช้เวลาในการอ่านเรื่องราวเหล่านี้ ในห้องนี้ ซึมซับและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน เป็นอะไรที่ดีมาก ๆ เพลินมาก ๆ เลย 

ถัดมาเรียกว่าเป็นโซนไฮไลต์ของงานนี้เลย “THAILAND PREMIER : World-Class Impressionist Immersive Exhibition” เพียงแค่เดินเข้ามาก็สัมผัสถึงมนต์ขลังของงานศิลปะ ที่ศิลปินได้ถ่ายทอดออกมา บวกกับความอลังการภายใต้การจัดแสดงของแสง สี เสียง และกลิ่นหอมที่ดูเข้ากันไปหมด โซนนี้เสมือนชุบชีวิตผลงานมาสเตอร์พีซของศิลปินอิมเพรสชันนิสม์ จากภาพจิตรกรรมอันน่าทึ่งฉายสู่จอขนาดใหญ่มหึมา เผยให้เห็นถึงฝีแปรงอันหนักแน่น 

แรงบันดาลใจจากช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในแวดวงศิลปะของยุโรป พาทุกคนย้อนสู่บรรยากาศยุคกลางศตวรรษที่ 19  ไม่ใช่แค่อิ่มเอมกับผลงานของเหล่าศิลปินอิมเพรสชันนิสม์ แต่ยังได้แฝงให้ทุกคนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโลกของพวกเขาด้วย ผ่านความไพเราะของบทเพลงบรรเลง ซึ่งรวมไปถึง เดอบูว์ซี (Debussy) ไชคอฟสกี (Tchaikovsky) ราแวล (Ravel) และออแฟนบัก (Offenbach) จะบอกว่ามันเข้ากันสุด ๆ เพลิดเพลินแบบที่ว่าเราสามารถนั่งมองผลงาน และฟังเพลงประกอบไปเรื่อย ๆ ได้เป็นชั่วโมง ๆ เลย ดีมาก ๆ 

และจากข้อมูลเราก็ได้รู้อีกว่า นิทรรศการ Monet & Friends Alive จากที่เราเห็นผลงานผ่านจอขนาดยักษ์ เป็นการฉายผ่านโปรเจกเตอร์ความละเอียดสูงกว่า 58 ตัว มีแกลเลอรีจำลองโลกเสมือนขนาด 1,600 ตารางเมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บนพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการทั้งหมดรวมกว่า 4,000 ตารางเมตร และจัดแสดงผลงานศิลปะอิมเพรสชันนิสม์กว่า 3,500 ผลงาน เลยทีเดียว จัดแสดงในรูปแบบ Immersive Multi-Sensory Experience ให้ทุกคนได้สัมผัสผลงานทั้งรูป รส กลิ่น เสียงแบบสุดอลังการ เสมือนได้เข้าไปอยู่ในโลกแห่งจินตนาการของศิลปินอย่างแท้จริง มีเวลามากพอที่จะให้ทุกคนได้สัมผัสกันแบบเต็มอิ่มไปเลย

ฟินกับผลงานศิลปะของศิลปินระดับโลกกันไปแล้ว ถัดมาอีกโซนทุกคนก็จะได้พบกับ “A FRESH APPROACH TO ART, SCIENCE AND CULTURE : Over 40+ Display, Interactive and Education Experiences” ในนิทรรศการ Monet & Friends Alive ได้มีการสร้างสรรค์ Monet Garden (โมเนต์ การ์เด้น) สวนของโมเนต์ให้ทุกคนได้จินตนาการว่าเรากำลังอยู่ในสวนอันงดงามของโมเนต์นั่นเอง บนพื้นที่ขนาดกว่า 2,000 ตารางเมตร มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก ๆ ถ่ายภาพกันรัว ๆ ไปเลย และที่สำคัญคือสวยทุกมุม

โซนนี้ก็ยังมีผลงานศิลปะของของโมเนต์มาให้ชมกันอีก เช่น  ‘Japanese’ bridges (สะพานญี่ปุ่น) จากภาพวาดชื่อดังของโมเนต์ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาแล้วทั่วโลก 

รวมถึง Water Lily mirror room จัดแสดงภายในห้องกระจกพร้อมบึงดอกบัว จัดเต็มทั่วทุกมุมห้อง ถ่ายรูปออกมาสวยมาก ๆ

อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่ารักมาก ๆ คือการเปิดโอกาสให้สัมผัสวิธีวาดรูปแบบศิลปินอิมเพรสชันนิสม์ โดยนำเทคนิค AI อินเตอร์แอคทีฟสร้างประสบการณ์ใหม่ เนรมิตงานศิลปะชิ้นเอกเป็นภาพสเก็ตช์ของเราเอง รวมทั้งสร้างสรรค์ภาพวาดพอร์ตเทรตแนวอิมเพรสชันนิสม์อีกด้วย

แวะพักนั่งจิบเครื่องดื่ม ทานขนมแสนอร่อยกันสักหน่อยที่คาเฟ่สุดน่ารัก Divana Signation Cafe ชิล ๆ เหมือนนั่งอยู่ในสวนดอกไม้ให้ความสดชื่นผ่อนคลายมาก ๆ

ส่วนใครที่อิน ฟินกับผลงานศิลปะของ โคลด โมเนต์ ในโซนสุดท้ายก็จะมีการจำหน่ายของสินค้าที่ระลึกต่าง ๆ มากมาย ซึ่งเป็นลวดลายผลงานของศิลปินไว้ด้วย มีหลากหลายผลิตภัณฑ์มาก ๆ ตั้งแต่เสื้อผ้า กระเป๋า ร่ม ผ้าพันคอ สมุด เทียนไข ที่รองแก้ว หรืออุปกรณ์สำหรับสร้างสรรค์งานศิลปะ ก็มีจำหน่ายเพียบ และจะบอกว่าน่ารักทุกอย่างเลย ใครอยากซื้อไปฝากคนที่คุณรักก็ได้น้าาา 

💙 Monet & Friends Alive Bangkok

📅 Show Date : 22nd September, 2023 -  7th January, 2024

📍  Venue: ICONSIAM (6th Floor)

🕕 Time : 10.30 am. - 09.00 pm

👉 เปิดจำหน่ายบัตร

💵 ผ่านทาง  https://www.liveimpact-event.com/th/home/  

💵 ราคาบัตร VIP 1,490 บาท, บัตรทั่วไป 990 บาท (ใช้ได้ถึง 31 ต.ค. 2566) 

💵 บัตรส่วนลดพิเศษสำหรับนักเรียน/นักศึกษาผู้สูงอายุและผู้พิการ 480 บาท 

📌 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม 

Facebook : Monet & Friends Alive Bangkok 

Facebook : ICONSIAM

โทร : 1338

เกี่ยวกับ Claude Monet โคลด โมเนต์

ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นยุคของการเปลี่ยนแปลงศิลปะในยุโรป ได้เกิดการรวมตัวของเหล่าศิลปินแนว”อิมเพรสชันนิสม์” โดยผู้ที่เป็นพลังสำคัญในการพลิกโฉมหน้าวงการศิลปะครั้งยิ่งใหญ่ในช่วงเวลานั้นคือศิลปินชาวฝรั่งเศสผู้มีชื่อว่า "โคลด โมเนต์" 

ชายผู้ฉายแววทางศิลปะตั้งแต่วัยเยาว์ จนได้พัฒนาผลงานและบุกเบิกศิลปะแนวใหม่โดยเน้นการใช้สีสัน แสง เงา และเน้นความงดงามจากธรรมชาติรอบตัว ซึ่งฉีกกฎจากศิลปะยุคเก่า ที่นิยมเขียนภาพจากเรื่องเล่าและใช้เทคนิคที่เน้นความชัดเจนของเส้นและรูปทรง 

ผลงานที่ทำให้ "โคลด โมเนต์" ได้เริ่มต้นเป็นที่รู้จักคือ Impression,Sunrise หรือ “ความประทับใจแห่งอรุณรุ่ง” ภาพวาดทะเลยามเช้า ณ ท่าเรือเมืองเลออาฟวร์ โดยมองเห็นเพียงพระอาทิตย์รางเลือน ซึ่งเป็นผลงานชิ้นสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศิลปะอิมเพรสชันนิสม์อย่างแท้จริง 

ผลงานอันเลื่องชื่ออีกชิ้น นั่นคือ “Woman with a Parasol - Madame Monet and Her Son” ผู้หญิงกางร่ม - มาดามโมเนต์และลูกชายของเธอ ภาพวาดที่โดดเด่นทั้งเรื่องสีและการใช้ฝีแปรง  ทั้งยังเป็นต้นแบบของศิลปะแนวอิมเพรสชันนิสม์ที่เด่นชัดที่สุด

และผลงานที่ขาดไม่ได้นั่นคือ ‘Bridge over a Pond of Water Lilies’ ภาพ “สะพานข้ามสระบัว” หนึ่งในผลงานชุดดอกบัวที่เขาเคยได้สร้างสรรค์ไว้ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากสวนญี่ปุ่นที่เขาชื่นชอบและเขายังได้สร้าง “สวนจิตรกร” หรือที่ปัจจุบันเป็นที่รู้จักในชื่อ “สวนของโมเนต์” ที่กลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก